26 November 2008

Beijing 2004

เช้าวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 หน้าโรงแรมกลางเมืองปักกิ่ง
อากาศเย็นได้ความรู้สึก 4 องศาซี
พร้อมกับสายลมหนาวเหน็บสอดทะลุเข้ามาในเสื้อกันหนาว
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทัวร์เมืองจีนในครั้งนี้
ตลาดผักสดข้างถนน หน้าโรงแรม ผักสดมาก ราคาถูกมาก และเย็นมากๆ


โปรแกรมเช้านี้ เข้าชม พระราชวังต้องห้าม
(จีน: 紫禁城; พินอิน: Zǐjìn Chéng จื่อจิ้นเฉิง; อังกฤษ: Forbidden City)
จากชื่อภาษาจีน แปลตามตัวอักษรได้ว่า "เมืองต้องห้ามสีม่วง"
ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกโลกในนาม พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง เมื่อ พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) โดยเป็นมรดกโลกที่เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้โบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/



คงยังเช้าอยู่ ผู้คนเลยดูบางตา


บันไดมังกร


ช่วงนี้กำลังซ่อมแซมใหญ่เพื่อเตรียมรองรับโอลิมปิค 2008




โอ่งเหล่านี้ใช้สำหรับการประดับตกแต่ง ขณะเดียวกันก็เป็นที่เก็บน้ำไว้ใช้ดับไฟหากเกิดอัคคีภัย ที่ถูกเรียกว่า‘ทะเลของประตู’หรือแหล่ง(โอ่ง)น้ำสำคัญหน้าประตูนี้ ในอดีตทหารชั้นผู้น้อยในพระราชวังมีหน้าที่คอยตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มทุกใบ เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดไฟใหม้ ภายในพระราชวังต้องห้ามมีโอ่งทองสำริดและโอ่งเหล็กทั้งสิ้น 308 ใบ โอ่งแต่ละใบมีน้ำหนักกว่า 2,000 กิโลกรัม








อาคารสภาฯ ที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นป้ายนับถอยหลังโอลิมปิค 2008

สนามบิน ใช้โครงสร้างที่ทันสมัย แต่ก็ยังมีลูกเล่นแบบจีนๆอยู่


No comments: